“ขมิ้น” หรือ “ขมิ้นชัน” (Turmeric) เครื่องเทศสีเหลืองสดใส มีกลิ่นหอมฉุน มันถูกนำมาใช้ทางการแพทย์แผนโบราณ และใช้ในการประกอบอาหารมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ ด้วยรสชาติที่แตกต่าง และคุณสมบัติของขมิ้นชัน รวมถึงสรรพคุณที่หลากหลาย จึงทำให้ขมิ้น เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก แต่อย่างที่รู้กันว่ายาทุกชนิดหากกินมากไปก็มีโทษต่อร่างกายได้ บทความของเราวันนี้ จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์และโทษของขมิ้นชันกันให้มากกว่าเดิม มาดูกันว่าขมิ้นชัน ประโยชน์และโทษอย่างไร ควรกินยังไง กินเท่าไหร่ได้ประโยชน์ที่สุด และไม่เกิดโทษต่อร่างกาย
คุณสมบัติของขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน สรรพคุณของสมุนไพรชนิดนี้ มาจากสารประกอบที่เรียกว่าเคอร์คูมินซึ่งออกฤทธิ์ต่อร่างกายของเรา เคอร์คูมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านเชื้อโรค และยังมีส่วนในการต้านมะเร็ง นอกจากนี้ในขมิ้นชันยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินอี
ประโยชน์ด้านต่าง ๆ
1. ต้านการอักเสบ
สารเคอร์คูมินในขมิ้นมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการอักเสบเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโรคต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ลดอักเสบร่างกาย คัมคินมีฤทธิ์ต้านอักเสบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะในโรคเรื้อรังเช่น หลอดเลือดหัวใจ, หลอดเลือด, และข้อต่อ ป้องกันโรคร้าย ขมิ้นมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการป้องกันความเสียหายของเซลล์ และช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคร้าย
2. ต้านอนุมูลอิสระ
เคอร์คูมินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ขมิ้นมีสารหลักที่เรียกว่า “ควอร์เซติน” (curcetin) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่สาเหตุโรคต่างๆ ในร่างกายได้ เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง และโรคเกี่ยวกับสมอง นอกจากนี้ ขมิ้นยังมีสารอื่นๆ เช่น คุณสมบัติต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายได้ ซึ่งการลดอักเสบนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับอนุมูลอิสระได้ด้วย
3. บำรุงสมอง
มีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าเคอร์คูมินอาจช่วยเพิ่มการทำงานของสมองและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ อักเสบในสมองเป็นปัจจัยที่สำคัญที่อาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสมองและภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคพาร์กินสัน ขมิ้นช่วยลดการอักเสบนี้ได้ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย กระตุ้นการสร้างตัวป้องกันภูมิคุ้มกัน ควอร์เซตินในขมิ้นสามารถกระตุ้นการทำงานของตัวป้องกันภูมิคุ้มกัน (antioxidant enzymes) ที่ช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระในสมองได้ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท มีฤทธิ์สนับสนุนการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทและเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทภายในสมอง ลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม การมีสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบในขมิ้นอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อมในระยะต่างๆ
4. ส่งเสริมการย่อยอาหาร
ขมิ้นมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำดี ซึ่งช่วยในการย่อยไขมันและส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ส่งเสริมการย่อยอาหาร ขมิ้นมีสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในกระบวนการย่อยอาหาร เช่น การย่อยไขมันและโปรตีน ซึ่งทำให้สามารถป้องกันการเกิดอาการคลื่นไส้และท้องอืดได้ บำรุงเซลล์ลำไส้ ขมิ้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียเซลล์ในลำไส้ ซึ่งทำให้การย่อยอาหารเป็นไปได้ดีขึ้น ลดการอักเสบในทางเดินอาหาร คุณสมบัติต้านการอักเสบของขมิ้นช่วยลดการอักเสบในทางเดินอาหาร ซึ่งอาจช่วยลดอาการอักเสบและอาการท้องอืด ส่งเสริมการออกซิเจนในเนื้อเยื่อ ขมิ้นช่วยเพิ่มการถ่ายเทออกซิเจนในเนื้อเยื่อของลำไส้ ซึ่งช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและการดูแลเนื้อเยื่อ
5. บำรุงผิวพรรณ
ขมิ้นมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งช่วยรักษาสิว ลดรอยแผลเป็น และทำให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ขมิ้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากการเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น แสง UV และมลภาวะทางอากาศ ลดการอักเสบ คุณสมบัติต้านการอักเสบของขมิ้นช่วยลดอาการแดงของผิวและอาการอักเสบที่เกิดขึ้น เช่น สิวหรือผื่นแพ้ที่เกิดจากการระคายเคือง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ขมิ้นสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังได้ ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น บำรุงผิวแห้ง ขมิ้นมีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิวที่แห้ง เสีย หรือขาดความชุ่มชื้น โดยช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ลดฝ้าและจุดด่างดำ ขมิ้นมีฤทธิ์ที่ช่วยในการลดจุดด่างดำและฝ้าที่เกิดจากการผิดปกติในการสร้างเม็ดสีหนัง
โทษหรือข้อควรระวังของขมิ้นชัน
1. ท้องเสีย
การกินขมิ้นชันหรืออาหารเสริมขมิ้นชันแบบแคปซูลปริมาณมากขณะท้องว่างอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ หรือท้องเสีย ดังนั้นต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมและกินพร้อมกับหรือหลังมื้ออาหารเท่านั้น
2. อาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด
ขมิ้นชันอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือดและยารักษาโรคเบาหวาน ดังนั้นหากเรากำลังใช้ยาแผนปัจจุบันชนิดใดอยู่ ก่อนเลือกกินขมิ้นชันเพื่อรักษาโรคควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ