ความเชื่อ และการนำเอาสมุนไพรมาใช้ในการปรุงเป็นยานั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมีในตำราแพทย์ตั้งแต่สมัยกรีก อินเดีย จีน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพทย์ไทยแผนโบราณ นอกจากนี้ก็มีการศึกษาค้นคว้าวิธีการปรุงยา ชนิด และคุณสมบัติต่อเนื่องอดีตส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าจะพูดถึงประโยชน์ของสมุนไพร ในปัจจุบันชนิดของยาต่างๆ ที่ใช้กันอยู่มีจำนวนไม่น้อยที่ได้มาจากการนำสมุนไพรมาปรุงเป็นยาโดยตรง
ว่าด้วยเรื่องการแบ่งกลุ่มสมุนไพร
กลุ่มของพืชที่นิยมนำมาใช้สำหรับรักษาโรค บำรุงร่างกาย และใช้สำหรับการถอนพิษตามความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการใช้ในทางการแพทย์แผนโบราณ และแผนปัจจุบัน ทั้งนี้ สมุนไพรบางชนิดนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารด้วยเช่นกัน สมุนไพรเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่โบราณกาลแล้ว แต่หลังจากที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีการสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปที่ใช้ประโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้มากกว่าสมุนไพร
การแบ่งกลุ่มสมุนไพร
1. กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้แก้ไข้และขับปัสสาวะ
เช่น เปลือกพญาสัตบรรณหรือตีนเป็ด (Alstoniascholaris) ,เปลือกและใบทุ้งฟ้า (Alstonia macrophylla) ,ใบหนาด (Blumea balsamifera) ,ราก เปลือก และใบ ขลู่ (Pluchea indica) ,ใบ เนื้อไม้ ผล และเมล็ดมะคำไก่ หรือประคำไก่ (Drypetes roxburghii) ,ต้นและรากอ้อเล็ก (Phragmites australis) ,รากและใบกรุงเขมา (Cissampelos pareira) ,เถาบอระเพ็ด (Tinospora crispa) ,เถาขมิ้นเครือ (Arcangelisia flava) ,ราก เหง้า และใบหญ้าคา (Imperata cylindrica) ,ผลน้ำเต้า (Legenaria siceraria)
2. กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย
เช่น เนื้อไม้สีเสียดหรือสีเสียดเหนือ (Acaciacatechu) ,ใบและผลมะตูม (Aegle marmelos) ,เปลือกประดู่บ้าน (Pterocarpus indicus) ,เหง้าไพล (Zingiber purpureum) ,เหง้าและรากกระชาย (Boesenbergia rotunda) ,แก่นฝาง (Caesalpinia sappan) ,ราก เปลือก เนื้อไม้ ใบ และดอกแก้ว (Murraya paniculata) ,เปลือกโมกหลวง (Holarrhena pubescens) ,ตะไคร้ (Cymbopogon citratus) ,ข่า (Alpinia galanga) ,กระเจี๊ยบเขียว (Abelmoschus esculentus) ,ฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata)
3. กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาระบายและขับพยาธิ
เช่น ผลดิบมะเกลือ (Diospyros mollis) ,แก่นไม้มะหาด (Artocarpus lakoocha) ,เมล็ดเถาเล็กมือนาง (Quisqualis indica) ,เมล็ดสะแกนา (Combretum quadran-gulare) ,เมล็ดแห้งฟักทอง (Cucurbita moschata) ,เนื้อในเมล็ดมะขาม (Tamarindus indica) ,มะขามแขก (Senna Alexandrina) ,ขี้เหล็ก (Cassia siamea) ,แมงลัก (Ocimum basilicum) ,มะขาม (Tamarindus indica) ,มะเกลือ (Diospyros mollis) ,สะเดา (Azadirachta indica) ,กระเทียม (Allium sativum)
4. กลุ่มพืชสมุนไพรลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
เช่น เหง้าแก่ขิง (Zingiber officinale) ,เหง้าว่านน้ำ (Acorus calamus) ,ผลกระวาน (Amomum krervanh) ,เหง้าข่า (Alpinia galanga) ,ผลพริกไทย (Piper nigrum) ,ต้นตะไคร้ (Cymbopogon citratus) ,กระเทียม (Garlic) ,ขมิ้น (Turmeric) ,อบเชย (Cinnamon) ,บอระเพ็ด (Wormwood) ,ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ,มะระขี้นก (Bitter melon) ,กะเพรา (Sweet basil) ,ใบชะพลู (Chaplu leaves)
5. กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้แก้โรคผิวหนัง
เช่น เปลือก ใบ และเมล็ดสารภีทะเลหรือกระทิง (Calophyllum inophyllum) ,ใบและเมล็ดชุมเห็ดไทย (Cassia tora) ,ใบชุมเห็ดเทศ หรือ ชุมเห็ดใหญ่ (Cassia alata) ,ใบ ดอกและเมล็ดเทียนบ้าน(Impatiens balsamina) ,รากและใบทองพันชั่ง (Rhinacanthus nasutus) ,เปลือก ใบ ดอกและผลโพธิ์ทะเล (Thespesia populnea) ,ใบและเมล็ดครามป่า(Tephrosia purpurea) ,ยางสลัดไดป่า (Euphorbia antiquorum) ,น้ำยางสบู่ดำ (Jatropha curcas) ,เมล็ดทองกวาว (Butea monosperma) ,เปลือกเถาสะบ้ามอญ (Entada rheedii) ,เมล็ดกระเบาใหญ่ (Hydnocarpus anthelminthicus) ,เหง้าข่า (Alpiniaa galanga) ,หัวหรือกลีบกระเทียม (Allium sativum)